วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558


บันทึกสะท้อนคิด. 
ประจำวันจันทร์ ที่ 22 มิถุนายน 2558

  เข้าสัปดาห์ที่หกของการเปิดเทอมแล้ว. ปัญหาที่เคยพบก็มีน้อยลง สำหรับวันนี้พบเพียงปัญหาเล็กน้อยจากความซุกซนของเด็กๆ คือการแกล้งเพื่อนโดยการเอารองเท้าเพื่อนไปซ้อน แต่บังเอิญว่าไปแกล้งคนที่เขาไม่อยากมาโรงเรียนสะด้วย เลยกลายเป็นปัญหาให้ครูต้องได้จัดการต่อไป เย็นก่อนกลับบ้าน คุณครูถามเด็กๆทุกคนว่ามีใครเห็นร้อวเท้าของเพื่อนหรือเปล่า? .....  เด็กตอบว่าไม่เห็น. คุณครูค้นในกระเป๋าของทุกคนเพราะคิดว่าเพื่อนอาจจะอยากได้แล้วเอาใส่กระเป๋าไป. แต่ก็ไม่พบ. เมื่อเด็กกลับบ้านหมดแล้วคุณครูจึงเปิดกล้องวงจรปิดดู จึงได้รู้ว่าเด็กหญิงเอารองเท้าเพื่อนไปซ้อนไว้ในห้องพยาบาล. จากภาพกล้องวงจรปิด. เจ้าของรองเท้านั้นเห็นว่าใครเอารองเท้าตัวเองไปไว้ที่ไหน แต่ไม่สามารถบอกกับผู้ปกครองได้ นี่คือปัญหาที่พบในวันนี้. คือการที่เด็กยังไม่รู้จักสื่อสารให้ครูหรือผู้ปกครองนั้นได้เกิดความเข้าใจ จึงเป็นหน้าที่ของครูที่จะต้องคอยเสริมประสบการณ์ต่างๆให้กับเด็ก. เพื่อที่จะให้เขาได้อยู่ในสังคมนี้ได้อย่างมีความสุขต่อไป......


วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิด. 
ประจำวันศุกร์ ที่ 19 มิถุนายน 2558
           สุดท้ายของวันทำงานสำหรับสัปดาห์นี้. สิ่งที่เด็กต้องได้รับการส่งเสริมยังมีอีกมากมาย เช่นการขับถ่ายให้เป็นที่ การเรียนรู้และจดจำสัญลักษณ์ประจำตัว การเก็บสิ่งของเครื่องใช้เข้าที่ ทุกอย่างอาจต้องใช้เวลาแต่เด็กทุกคนจะต้องทำได้ตามพัฒนาการของแต่ละคนเองจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและการช่วยส่งเสริมจากผู้ปกครองเองด้วย. หากเมื่ออยู่บ้านผู้ปกครองไม่ให้ความร่วมมือในการฝึกฝนลูกในการใช้ชีวิตประจำวัน เด็กก็อาจจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้นานกว่าเด็กคนอื่นๆ การพัฒนาเด็กนั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทางผู้ปกครองเข้าช่วยด้วยเด็กจึงจะได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ 
          การฝึกให้เด็กช่วยเหลือตนเองจะทำให้เด็กได้เรียนรู้จากการลงมือกระทำและเกิดความภาคภูมิใจ เป็นการส่งเสริมพัฒนาการในด้านของอารมณ์ได้ด้วย. ผู้ปกครองจึงควรฝึกหัดให้ลูกช่วยเหลือตนเอง เพื่อที่เขาจะได้ช่วยเหลือตนเองได้ในยามที่ต้องออกมาเรียนรู้สิ่งต่างๆนอกบ้าน.........



วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิด
ประจำวัน พฤหัสบดีที่ ที่ 18 มิถุนายน. 2558
           
            วันนี้เป็นวันทำงานอีกวัน. กิจกรรมที่ทำก็เหมือนเดิม. รับเด็ก 
พาเด็กทำกิจกรรมหน้าเสาธง. เคลื่อนไหวและจังหวะ. 
เสริมประสบการณ์. แต่ถึงจะเป็นกิจกรรมเดิมๆก็ไม่ทำให้รู้สึกเบื่อ. เพราะใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเด็กๆทำการทำงานนี้ถึงจะเหนื่อยแต่ก็เต็มไปด้วยความสุข. 
          สำหรับในเรื่องของปัญหาที่พบในวันนี้คือ การที่แม่ครัวลางานแล้วมีผู้มาประกอบอาหารแทน. แต่แม่ครัวไม่บอกรายละเอียดแก้ผู้มาทำแทน. ทำให้งานที่ออกมานั้นไม่เป็นไปตามเป้าหมาย. แม่ครัวหุงข้าวไม่พอเด็กรับประทาน. เพราะไม่เคยทำจึงไม่รู้ว่าเด็กจะทานมากน้อนเพียงใด. ข้าพเจ้าแก้ปัญหาเบื้องต้นโดยการให้แม่ครัวหุงข้าวเพิ่มเมื่อเห็นว่าข้าวที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอ. และแนะนำการปฏิบัติหน้าที่ของแม่ครัวให้ผู้ที่มาทำงานแทนทราบในเบื้องต้น............



วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิด
ประจำวัน พุธที่ 17 มิถุนายน 2558

          วันนี้เป็นอีกวันที่ได้ทำหน้าที่อบรมสั่งสอนอนาคตของชาติ. ปัญหาที่พบคือวันนี้แม่ครัวทำอาหารกลางวันเป็นก๋วยเตี๋ยว. เด็กบางคนทานก๋วยเตี๋ยวไม่เป็น. บางคนมาบอกครูว่าไม่มีข้าว. ครูจึงแก้ปัญหาโดยการฝึกให้เด็กหัดทานอาหารที่แปลกจากเดิมบ้าง เด็กบางคนไม่ทานผัก. คุณครูจึงบอกว่าผักทำให้ร่างกายแข็งแรง. เวลาที่เราไปแข่งกีฬาเราจะมีกำลังมากกว่าคนที่ไม่กินผัก เด็กจึงยอมทานผัก แต่บางคนก็ยังไม่ยอมทานเพราะกลัวผักจะขม. จึงต้องใช้เวลาฝึกต่อไป

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิด
ประจำวันจันทร์ ที่ 15 มิถุนายน. 2558

          เริ่มต้นเช้าวันจันทร์ด้วยการเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับเด็กที่ยังไม่ไม่ชินกับการเรียน. ในการเปิดเรียนแรกๆคุณครูแทบไม่อยากให้มีวันเสาร์อาทิตย์. เพราะวันศุกร์เด็กๆเริ่มปรับตัวได้แล้วก็ต้องมาหยุดเรียนไปอีกสองวัน. กลับมาวันจันทร์อีกทีก็ร้องไห้งอแงเหมือนเดิม. คงต้องยอมรับสภาพเช่นนี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง.  
         
          การทำงานวันนี้ไม่พบปัญหาและอุปสรรคใดๆในการเรียนการสอน. เด็กร้องไห้ในช่วงเช้าเพียงไม่กี่นาทีก็หยุดร้องและทำกิจกรรมตามตารางเวลาได้. แต่พบปัญหาในเรื่องของการที่ผู้ปกครองนำอาหารเข้ามาป้อนลูกในห้องเรียน. ซึ่งทำให้เด็กๆที่เหลือร้องไห้อยากกินด้วย. แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้พูดชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ปกครองท่านนี้. แต่หากยังเป็นเช่นนี้อยู่. ข้าพเจ้าคงต้องพูดคุยกับผู้ปกครองให้เข้าใจในกฏระเบียบของการมาเรียนมากขึ้น



วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิด
ประจำวันพฤหัสบดี. ที่. 11. มิถุนายน. 2558

          วันนี้เปิดอีกวันที่ได้เรียนรู้การใช้ชีวิต. ที่ต้องพบเจอทั้งสุขและเศร้า. ได้รู้ว่าการจะใช้ชีวิตให้มีความสุขนั้นต้องเริ่มจากการคิดของเราก่อนเป็นอันดับแรกเลย. หากคิดว่าวันนี้ทำงานเหนื่อยจัง. เราก็จะเหนื่อยและท้อใจที่จะต้องตื่นมาในวันพรุ่งนี้เพื่อจะมาทำงานแบบเดิมอีก. แต่ถ้าหากคิดว่าวันนี้เหนื่อย. ก็แค่พักผ่อนร่างกายให้หายเหนื่อย. ตื่นมาพรุ่งนี้เช้าก็ให้คิดว่าตัวเองโชคดีมากขนาดไหนที่เช้านี้ยังมีงานทำอยู่. เข้านั้นก็จะเป็นการเริ่มต้นความคิดที่ดีต่อตัวเราแล้ว........วันนี้ไม่มีปัญหาและอุปสรรคใดๆในการทำงาน. ข้าพเจ้าทำงานอย่างมีความสุข. ความทุกข์ที่เข้ามาแทรกในบางช่วงเวลาของความคิด. ข้าพเจ้าขจัดมันออกไปด้วยการไม่เก็บมาคิดให้รกสมอง. ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติและเป็นไปตามชะตาลิขิต. ทุกข์เข้ามาได้ก็ออกไปได้.  แต่ถ้ามันไม่ยอมไปสักทีก็คงต้องใช้วิธีขับไล่มันออกไป. หากเก็บเอาทุกอย่างมาคิด. ชีวิตนี้จะหาความสุขได้อย่างไร. ปล่อยบ้างวางบ้าง. ชีวิตจะเรียบง่ายขึ้น............

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิด
ประจำวันพุธ ที่10 มิถุนายน  2558
          วันนี้ก็เป็นอีกวันทำงานที่เริ่มต้นด้วยความสนุกสนาน เพียงแค่มองทุกอย่างอย่างเข้าใจ เข้าใจธรรมชาติของทุกสิ่ง และไม่เครียด. การทำงานก็จะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน  สำหรับการทำงานในวันนี้ไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้น เด็กๆเริ่มที่จะปรับตัวได้ มีส่วนน้อยที่ยังต้องใช้เวลาอยู่ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเรียนการสอนแต่อย่างใด. เมื่อได้เวลาส่งเด็กกลับบ้านหมดแล้ว ข้าพเจ้าจึงรีบกลับบ้านมาทำพานไหว้ครูให้ลูกชาย ปีนี้ลูกชายขึ้นป.1แล้ว. ได้เป็นตัวแทนของห้องถือพานไหว้ครู.........
          นึกถึงตอนที่ข้าพเจ้าเป็นเด็ก  ข้าพเจ้าก็ได้เป็นตัวแทนของห้องถือพานไหว้ครูเช่นกัน แต่ในสมัยนั้นเด็กนักเรียนต้องช่วยกันประดิษฐ์พานขึ้นมาเอง วัสดุที่ใช้ก็หาได้ตามธรรมชาติ. ไม่ว่าจะเป็นดินเหนียว ดอกมะเขือ ดอกเข็ม หญ้าแพรก ข้าวตอก แต่ปัจจุบันนี้มีน้อยมากที่จะเห็นพานไหว้ครูที่ประดับไปด้วยดอกไม้ที่ใช้สำหรับไหว้ครู เด็กสมัยใหม่อาจไม่รู้ว่าดอกไม้ที่ใช้ไหว้ครูมีดอกอะไรและสื่อถึงอะไรบ้าง. ในฐานะที่เป็นครูจึงอยากเขียนบอกเล่าความหมายของดอกไม้ที่ใช้ไหว้ครูไว้เป็นความรู้แก่ผู้อ่านที่อาจจะยังไม่ทราบ 
          ข้าวตอก เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความมีระเบียบวินัย
          ดอกมะเขือ เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน
          ดอกเข็ม เป็นสัญลักษณืที่แสดดงถึงความฉลาดหลักแหลม
          หญ้าแพรก เป็นสัญลักษณืที่แสดงถึงความอดทนและความเจริญงอกงาม
ทราบความหมายของดอกไม้ไหว้ครูแล้วก็อย่าลืมหาเวลาไปไหว้ครูกันน๊ะคะ...........รักและระลึกถึงพระคุณครูเสมอ

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิด 
ประจำวันอังคาร. ที่ 9 มิถุนายน 2558


          วันนี้เป็นอีกวันที่ต้องเร่งรีบมาทำงาน เพราะเมื่อคืนนอนดึก ทำให้ตื่นสายจนได้ แต่ก็ยังมาทันเวลาเข้างาน.  วันนี้จะต้องเอาชุดเสื้อผ้าไทยกับชุดกีฬามาแจกเด็กๆ แต่ก็มีปัญหาเกี่ยวกับไซด์เสื้อที่ไม่ตรงตามที่สั่งซื้อ ไม่แน่ใจว่าครูที่ศูนย์อื่นจัดไปผิดหรือเปล่า จึงต้องโทรเช็คกันวุ่นวายแต่เช้า แต่ก็ได้ข้อสรุปอย่างลงตัวและเรียบร้อยไปได้ด้วยดี
          เช้านี้ก้อเช่นเดิม ยังมีเด็กร้องไห้บ้างเล็กน้อย อุปสรรคในการเรียนการสอนมีนิดหน่อยแต่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีทุกกิจกรรม. มองเห็นรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของเด็กมันทำให้เราคิดได้ว่า ถึงงานที่ทำจะเหนื่อยและลำบากแค่ไหน หากเราทำให้ทุกวันนั้นมีแต่ความสนุกสนาน ชีวิตในแต่ละวันของเราก็มีความสุขจากความเหนื่อยนั้นได้. วันนี้เด็กๆร้องเพลงเสียงดัง ทำท่าทางกระต่ายหูยาวกระโดดไปทั่วห้องอย่างสนุกสนาน.  ขอให้วันนี้เป็นอีกวันที่มีความสุขและไม่เกิดปัญหาใดๆ......แต่แล้ว....."เด็กๆๆๆๆ!!!!!" เสียงลากยาวจากคุณครูเรียกเด็กๆเสียงดัง "มีใครหยิบเงินบนโต๊ะคุณครูไปคะ" ไม่มีเสียงตอบรับ. เงินฝากออมทรัพย์ประจำวันที่ผู้ปกครองนำมาฝากได้หายไปหนึ่งร้อยบาท.  และเมื่อครูถามก็ไม่สามารถจะรู้ได้ว่าใครเป็นคนเอาไป จึงต้องเปิดภาพกล้องวงจรปิดดู จึงได้พบว่าเด็กหญิงตัวน้อยๆได้หยิบเงินบนโต๊ะคุณครูไปใส่ไว้ในกระเป๋าของตัวเอง. และเมื่อค้นที่กระเป๋าก็เจอกับสิ่งของอีกมากมายทั้งของเพื่อนของครูและของศูนย์. คุณครูจึงเรียกเจ้าของกระเป๋ามาสอบสวนแต่เด็กหญิงไม่ยอมพูดอะไรเลย........เมื่อถึงเวลากลับบ้านคุณครูจึงได้พูดคุยกับผู้ปกครองถึงพฤติกรรมของเด็กในวันนี้. และได้ให้คำแนะนำผู้ปกครองไปว่า   เราจะต้องร่วมมือกันระหว่างครูและผู้ปกครอง  ช่วยกันฝึกไม่ให้เด็กมีพฤติกรรมแบบนี้ต้องคอยบอกสอนทั้งเวลาที่อยู่ที่บ้านและที่โรงเรียน. ผู้ปกครองเข้าใจและยินดีให้ความร่วมมือ
          เมื่อข้าพเจ้าเลิกงานกลับมาบ้านนึกถึงเหตุการณ์วันนี้แล้วข้าพเจ้าก็นึกตำหนิตัวเอง หากข้าพเจ้าเก็บเงินให้พ้นสายตาเด็กก็อาจจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้. นี่คือประสบการณ์ที่ข้าพเจ้าได้รับในวันนี้. ทำให้ข้าพเจ้านั้นได้คิดและได้เห็นพฤติกรรมของเด็ก เมื่อรู้แบบนี้แล้วสิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการฝึกฝนและพัฒนาเด็กให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นต่อไป

บันทึกสะท้อนคิด
 ประจำวันจันทร์. ที่ 8 มิถุนายน 2558

          วันนี้เป็นวันแรกของการทำงาน เปิดเทอมได้สามอาทิตย์แล้วยังมีเด็กร้องไห้งอแงนิดหน่อย แต่ก็ร้องแค่แป๊ปเดียวก็หยุดแลัวไปเล่นกับเพื่อน เด็กๆเริ่มจะปรับตัวได้แล้ว แต่วันนี้มีนักเรียนคนหนึ่งที่ขาดเรียนไปนานและยังปรับตัวไม่ได้กลับมาเรียนในวันนี้ ทำให้เกิดปัญหาในการจัดการเรียนการสอน เพราะเด็กร้องไห้ไม่หยุด เพื่อนๆจึงไม่มีสมาธิในการทำกิจกรรม แต่ปัญหาในการที่เด็กยังปรับตัวไม่ได้นั้นแก้ไขได้ไม่ยากเพียงแต่ต้องให้เวลาในการปรับตัวของเด็ก แต่ปัญหาที่แย่กว่าคือการที่ผู้ปกครองไม่เข้าใจ ผู้ปกครองจะพยายามบอกครูว่าน้องยังเด็กและอยากให้ครูดูแลเป็นพิเศษ. ผู้ปกครองชี้ไปที่เครื่องเล่นที่เด็กๆกำลังเล่นกันอยู่แล้วพูดกับครูว่า "แบบนี้น้องก็เล่นไม่ได้ คนเยอะ น้องจะกลัว. ครูต้องแยกออกมาให้เขาเล่น"   ข้าพเจ้าฟังแล้วได้แต่ถอนหายใจเข้าไปลึกๆ และพยายามทำความเจ้าใจว่า ผู้ปกครองคงจะเป็นห่วงลูกมากจนเป็นกังวล แต่ข้าพเจ้าก็อยากจะแก้ปัญหาโดยการเชิญผู้ปกครองมานั่งฟังและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการปรับตัวของเด็กให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น. แต่ข้าพเจ้าก็ได้แต่คิด เพราะผู้ปกครองเป็นผู้ชาย และดูท่าทางจะเข้าใจยาก คงต้องให้เวลาในการปรับตัวทั้งเด็กและผู้ปกครอง
            ส่งเด็กกลับบ้านหมดแล้วก็เข้าประชุมต่อที่อบต. มาฟังหัวหน้าอธิบายเรื่องโครงการและงบประมาณ ทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น กว่าจะประชุมเสร็จก็เกือบหกโมงเย็น กลับบ้านพอได้มีเวลาดูแลครอบครัวนิดหน่อยก็มานั่งเขียนโครงการต่ออีกสองโครงการ เสร็จอีกทีหกทุ่มพอดี คงต้องพอแค่นี้ ร่างกายบอกว่าอยากพักผ่อนแล้ว ไว้ลุยกันต่อพรุ่งนี้. ราตรีสวัสดิ์...........😌😌😌😌